วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

บุญผ่่อง ตำนานแห่งแม่น้ำแคว



Keith Flanagan อดีตทหารเชลยที่ถูกเกณฑ์ให้มาทำงาน ณ ทางรถไฟไทยพม่า เมื่่อรอดชีวิตกลับมาเขาทำงานเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ BCON (British Commonwealth Occupation Newspaper)

ในปี 1985 เขาเกษียรและเริ่มที่จะบอกเล่าเรื่องราวในชืวิตเขา โดยได้จัด Weary Dunlop ทัวร์ หรือ the forerunner of The Quiet Lion tours


เป็นทัวร์ครั้งแรกที่ไดัพาชาวออสเตรเลียย้อนรอยเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่เขาและคนอื่น ๆ รวมถึงหมอเวรี่ (Weary Dunlop) ที่ได้เข้าไปในป่าไทยเพื่อสร้างทางรถไฟสายมรณะในปี 1943



ณ ช่วงเวลานั้นหมอเวรี่ หรือคนที่เหล่าเชลยสงครามขนานนามว่า "the King of the River (Kwai)" ได้เล่าถึงวิธีการที่พ่อค้าไทยคนหนึ่งนามว่า "บุญผ่อง" ผู้ได้เสี่ยงเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อนำเงินและเวชภัณฑ์เข้าไปในค่ายเชลย

หลังจากนั้นเขาจึงได้จัดตั้งมูลนิธิ the Weary Dunlop-Boonpong Exchange Fellowship ขึ้นเพื่อระลึกถึงหมอเวรี่และนายบุญผ่อง โดยให้ทุนช่วยเหลือนักศึกษาศัลยแพทย์ไทยให้ไปเรียนในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 60 คนแล้วที่ได้รับทุนนี้


และในช่วงท้ายของชีวิต Keith Flanagan ได้เสียสละเงินทุกบาททุกสตางค์ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวหมอเวรี่และนายบุญผ่อง..



ด้วยเหตุนี้ชาวต่างชาติมากมายจึงได้รู้จักนายบุญผ่องมากขึ้น  อีกทั้งยังมีการสร้างสารคดี "บุญผ่่อง ตำนานแห่งแม่น้ำแคว" ขึ้นมาอีกด้วย


บุญผ่อง...วีรบุรุษชาวไทยที่ต่างชาติรู้จักดี แต่คนไทยไม่รู้จักเขา...

บุญผ่อง...ผู้แอบนำเวชภัณฑ์เข้าค่ายกักกันเชลยในประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยไม่กลัวความตายที่จะมาถึงหากญี่ปุ่นรู้

แต่ทั้งๆที่เขารู้เขาก็ยังแอบทำต่อไปเป็นร้อยเป็นพันครั้ง...

คำว่าฮีโร่ หรือวีรบุรุษ คงน้อยไปสำหรับเขา...และเรื่องแบบนี้ใครจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง...ช่างเหลือเชือ!!! สุดท้ายเขาจะกลายเป็นตำนาน...

"บุญผ่่อง สิริเวชพันธ์ ตำนานแห่งแม่น้ำแคว"

 


Senator John Williams กับวัน Anzac 2010


เมื่อวัน Anzac 2010 ...Senator John Williams เล่าว่า

เราได้ร่วมเดินทางไปกับอดีตสี่เชลยศึกมาสุสานทหารสัมพันธมิตร เมืองกาญจนบุรี

น่าแปลกใจ!!! เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ก่อนที่ฉันจะมาเมืองไทย Cliff ได้เขียนจดหมายถึงฉัน แล้วบอกว่า
"John เราจะมาเมืองไทย แล้วจะไปพบใครที่ร้านบุญผ่องหรือป่าว"

ฉันไม่รู้ว่าใครคือบุญผ่อง  ไม่รู้ว่าร้านเขาอยู่ที่ไหน

อีกครั้งที่ฉันต้องขอความช่วยเหลือจาก Bill Slape แห่งพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด

เขาตอบอีเมล์ฉัน และอธิบายว่า



" ที่ร้านนี้นะ ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บุญผ่องเจ้าของร้านแห่งนี้ได้แอบลักลอบเอายารักษาโรคให้กับเชลย เขาก็เป็นคนที่มีนิสัยแบบหมอเวรี่นี่หละ..

เขาซ่อมวิทยุให้ แอบมอบยา ไม่เพียงแต่วิทยุนะ แต่ยังมีผักผลไม้ด้วย ...


เขามีลูกสาวอายุ 14 ปี ที่มีแววตาอันน่าทึง...ลูกสาวเขาจะมาด้วยกับเขาเสมอหละ  ไอ้เจ้าพวกทหารญี่ปุ่นจะมองลูกสาวเขามากกว่าที่จะให้ความสนใจว่ามีอะไรอยู่ในวิทยุหรือผลไม้และผัก

ดังนั้นบุญผ่องคนนี้แหละ ที่ช่วยชีวิตผู้คนมากมายด้วยการแอบมอบยา ผ้าพันแผล และเวชภัณฑ์

เขาเป็นคนที่สุดยอดมากไม่ต่างอะไรกับท่านเซอร์ (Ernest) Edward Dunlop ที่คนทั่วไปรู้จักเขาในนามหมอเวรี่ (Weary Dunlop.)...นั้นแหละ!!!!"


หลัง 10 โมงเช้าเมื่อพิธีการช่วงเช้า(ของวันแอคแชค)สิ้นสุดลง พวกเราไปที่ร้านบุญผ่องซึ่งทุกวันนี้ยังมีอยู่ และได้พบกับน้องสะใภ้ของเขา


เป็นเรื่องดีนะ ที่ Cliff  ได้เดินเข้าไปไนร้าน แล้วเห็นภาพบุญผ่องกับหมอเวรี่ แล้วมองย้อนไปที่เรื่องราวในประวัติศาสตร์...

มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญสำหรับ Cliff  เราพาล่ามของสถานฑูตออสเตรเลียที่กรุงเทพมาด้วย...ต้องขอบคุณล่ามคนนี้มากเชียวหละ

Cliff  ได้มองย้อนไปในอดีตแห่งความทรงจำของเขาและขอบคุณญาติๆของบุญผ่อง สำหรับที่นายบุญผ่องได้ช่วยเหลือเชลยสงคราม ณ เวลานั้น ...


John Williams (NSW, National Party) Tuesday, 22 June 2010 8:10 pm



วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

บุญผ่อง...คนดีที่น่ายกย่อง?



ผศ.วรวุธ สุวรรณฤทธิ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เมืองกาญจน์ และผู้แต่งหนังสือ "สงครามมหาเอเชียบูรพา กาญจนบุรี"เล่าว่า

 “ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเหตุที่ทําการค้าผูกขาดกับญี่ปุ่น ทําให้นายบุญผ่องได้พูดคุยกับเชลยศึกที่มารับของบ่อยครั้ง จึงได้รับรู้ถึงความทุกข์ยากและสนิทสนมกับเชลยศึกเหล่านั้น จนได้แอบให้ความช่วยเหลือเชลยศึกซึ่งถือเป็นเรื่องเสี่ยงตายเป็นอย่างมาก

อาทิ ช่วยให้เชลยศึกยืมเงินในกรณีขัดสน โดยไม่กลัวว่าจะถูกโกง จัดหาเวชภัณฑ์ต่างๆ เครื่องใช้
ถ่านไฟฉาย ยาสีฟัน เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ส่วนประกอบเครื่องวิทยุสื่อสาร รวมถึงแอบส่งจดหมายให้กับเชลยศึกโดยซุกซ่อนไว้ในห่อ เข่งผักผลไม้ หรือเครื่องใช้ต่างๆที่ญี่ปุ่นมารับไปทุกวัน

การแอบช่วยเหลือเชลยศึกอย่างไม่คิดชีวิตของนายบุญผ่อง ทําให้พวกเชลยศึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง นายบุญผ่องก็ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากรัฐบาลออ สเตรเลีย และอังกฤษพร้อมทั้งได้รับยศเป็นพันโทในกองทัพอังกฤษ และได้ถูกยกย่องให้เป็น "วีรบุรุษสงครามของทางรถไฟสายมรณะ" (A War Hero Named Boonpong of Deathrailway) มาจนถึงทุกวันนี้ ”

หรือการพูดคุยกับเชลยบ่อยๆทำให้บุญผ่องเกิดความเห็นใจ จึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนที่ตนเองไม่รู้จักจะเป็นจริง...แต่มีประเด็นอยู่นิดหนึ่งคือ นายบุญผ่องอาจจะตัดสินใจเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรก่อนที่จะค้าขายกับญี่ปุ่น เพื่อเอาการค้าบังหน้า จะได้แอบช่วยเหลือก็เป็นได้...



แต่ถึงอย่างไร การเสี่ยงชีวิตแบบไม่กลัวตายเช่นนี้ ปากแพรก กาญจนบุรี ก็เห็นจะมีแต่นายบุญผ่องคนดีนี่หละที่น่ายกย่องให้เป็นบุคคลตัวอย่าง...แต่ทำไมคนเมืองกาญจน์เขาไม่ยกย่องกันนะ...น่าสงสัยจุงเบยยย...ฮึๆๆ

บุญผ่อง...ฮีโร่ในดวงใจ



1 ศพ ต่อ 1 ไม้หมอนที่รองรางรถไฟ" ไม่ใช่่คำพูดที่เกินไปจากความจริงเลย  ทหารญี่ปุ่นใช้ทหารเชลยเป็นทาสในการก่อสร้างทางผ่านป่าหนาทึบและภูเขา ชีวิตเชลยศึกเหล่านั้นพากันล้มตายมากมาย เพราะทำงานหนักและโรคภัยไข้เจ็บที่ชุกชุม โดยเฉพาะไข้ป่า หรือการขาดอาหารตายก็เป็นเรื่องธรรมดา

คงยากนะที่จะหาทหารญี่ปุ่นใจบุญกับฝ่ายตรงข้ามในยามสงครามเช่นนี้...


"พี่เขาเห็นใจเชลยสงครามที่ต้องทุกข์ทรมานในค่าย ทั้งความอดอยาก ไข้ป่า รวมถึงความโหดร้ายของทหารญี่ปุ่น"
ป้าลำใยน้องสะใภ้นายบุญผ่องเล่าให้ใครๆฟัง ถึงเรื่องราวแต่หนหลัง ที่ทำให้นายบุญผ่องต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

ใช่!!!เขาตัดสินใจยอมเสี่ยงตาย ลักลอบมอบเวชภัณฑ์เพื่อรักษาชีวิตเชลยศึกไว้...


แม้กระทั่ง บุหรี่ ยาและอาหาร เขาก็เป็นคนจัดการลักลอบเอามาให้จากกรุงเทพ...เงินสดจะถูกบรรจุอยู่ในกล่องสำหรับยาสูบไทยพื้นเมือง และกล่องถูกปิดผนึกไว้แล้วด้วยอากรแสตมป์รัฐบาลอย่างเป็นทางการและฝากไว้ในโรงอาหาร

อีกทั้งยังช่วยให้เชลยมีเสื้อผ้าและยารักษาโรค และให้เงินพวกเขาเพื่อซื้ออาหารในช่วงวันคริสต์มาส
เขายังคอยดูแลเชลย และให้ยืมเงินด้วยการจำนำนาฬิกาและเครื่องประดับ และเก็บไว้ให้เพื่อรอการแลกคืนเมื่อสงครามสิ้นสุด


ตลอดสงครามโลกครั้งที่ 2 คนไทยได้ให้ความช่วยเหลือเชลยสงครามเรื่อยมา แต่นายบุญผ่อง สิริเวชพันธ์ ถือเป็นบุคคลพิเศษที่ได้รับการจดจำเป็นอย่างดีจากเชลยสงครามในสมัยนั้น …

“เขาคือฮีโร่ในดวงใจของทหารต่างชาติ” ...หมอเวรี่เล่าให้ใครๆฟังด้วยความภูมิใจที่มีเพื่อนแบบนายบุญผ่อง

แต่สำหรับเรา...

บุญผ่อง...คือ..."ฮีโร่ในดวงใจ...ที่คนไทยลืมเลือน" ...ไม่เชื่อลองไปถามคนบนถนนปากแพรกดูซิ!!!




บุญผ่อง...ล่องเรือ



เช้าวันที่ 5 กรกฎาคม 2485 หลักหมุดต้นแรกถูกตอกลงที่สถานีหนองปลาดุก ราชบุรี เชลยสงครามถูกเกณฑ์มาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างทางรถไฟไปสู่พม่า...การค้าจึงเริ่มขึ้น...

บุญผ่องเป็นนายกเทศมนตรี เป็นพ่อค้าท้องถิ่นของปากแพรก กาญจนบุรี เคยค้าไม้หมอนรถไฟให้กับญี่ปุ่น และสุดท้ายเป็นผู้ได้รับสัมปทานผูกขาดจากญี่ปุ่นในการจัดหาอาหารให้แก่เชลยที่อยู่ตามค่ายริมแม่น้ำ  โดยญี่ปุ่นต่อรองจนได้กำไรเพียงเล็กน้อย...แต่เขาก็ยินดีที่่่่่่่่จะทำ...

  
เขาใช้เรือในการส่งของไปยังค่ายเชลยต่างๆขื้นล่องไปตามแม่น้ำแควน้อย  จนได้ชื่อว่า “บุญผ่อง...พ่อค้าขายของชำแห่งลำน้ำแควน้อย”

...แต่นี่เป็นเพียงทำธุรกิจบังหน้าเพื่อตบตาทหารญี่ปุ่น...เท่านั้น!!!

หลายครั้งในการเดินทาง บุญผ่องได้พาผณีบุตรสาววัย 14 ปี ล่องไปตามลำน้ำด้วย …

ผณีบุตรสาวตัวน้อยที่มักติดสอยห้อยตามไป มักจะชอบร้องเพลงญี่ปุ่น ในขณะที่บุญผ่องส่งของให้กับค่ายเชลยสงคราม และแอบมอบเงินให้ยากับเชลยเหล่านั้น

...หรือการร้องเพลงของผณีจะเป็นเพียงกลยุทธเบี่ยงเบนความสนใจที่ใครๆคาดไม่ถึง…

และสิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือก่อนหน้าที่จะมีสงคราม เขาไม่เคยติดต่อค้าขายกับชาวยุโรปมาก่อนเลย …ฉะนั้นไม่มีเหตุที่จะต้องช่วย นอกจากความมีมนุษยธรรมในจิตใจเท่านั้น...

 



“ เขาเสี่ยงที่จะล่องขึ้นล่องลงพร้อมๆกับอาหารและเวชภัณฑ์ ….เขาคือวีรบุรุษ...เขาเป็นบุคคลที่ควรจะได้รับดาบอัศวินจากสิ่งที่เขาทำ เพราะกว่าพันครั้งที่เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเชลย …พวกเราเห็นเขาล่องเรือมาเพียงไม่กี่ครั้ง  แล้วพวกเราก็มียาควินนินกินกัน...”


เชลยสงครามหลายคนกล่าวยกย่องบุญผ่อง หลังสงครามสิ้นสุดลง



บุญผ่อง .. ANZAC Day




25 เมษายน ของทุกปี ในงาน แอนแซค เดย์ (ANZAC Day) เป็นวันทหารผ่านศึกของประเทศออสเตรเลียและนิซีแลนด์


ANZAC ย่อมาจาก Australian and New Zealand Army Corps ซึ่งเป็นชื่อเรียกกองกำลังทหารออสเตรเลียและนิซีแลนด์ พร้อมด้วยเหล่าทหารจากสหราชอาณาจักร อินเดีย และฝรั่งเศส



สำหรับประเทศไทยจะถือวันนี้เป็นงานรำลึกถึงทหารผู้กล้าและพลเรือนที่เสียชีวิตในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กับงานสร้างทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ณ สุสานสัมพันธมิตรกาญจนบุรี 


แต่ก่อนหน้านั้น ในเวลาเช้ามืดจะจัดที่ช่องเขาขาด หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Hell-Fire Pass จากนั้นในวันกลางวันจะมีพิธีวางพวงหรัดที่สุสานทหารพันธมิตร โดยมีบรรดาญาติพี่น้อง ลูกหลานเดินทางมาจากต่างประเทศเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ในปี 2555 ฯพณฯ เจมส์ ไวส์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ให้เกียรติร่วมงาน ได้กล่าวสดุดีนายบุญผ่องว่า

 
"...นายบุญผ่อง ผู้แอบนำเอาอาหารและอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่เชลยต่างชาติที่ทำงานบนเส้นทางรถไฟสายมรณะ อีกทั้งช่วยชีวิตเชลยไว้ได้หลายพันคน...

 
แม้เขาจะตายไปแล้ว 30 ปี ญาติของเชลยเหล่านั้น ยังคงหลั่งไหลมาเยี่ยมคาราวะที่ร้าน บุญผ่องแอนด์บราเดอร์  อย่างไม่ขาดสาย โดยมีนางลำไยน้องสะใภ้เป็นผู้ให้การต้อนรับและบอกเล่าเรื่องราวของนายบุญผ่่อง  ..."



"The Quiet Lions" บุญผ่องและหมอเวรี่




"The Quiet Lions"เป็นสารคดีความยาว 55 นาที เกี่ยวกับนายบุญผ่องและหมอเวรี่  สารคดีชุดนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจ สร้างเพื่ออุทิศแด่ "Keith Flanagan" ...


ผู้ผลิต และผู้อำนวยการสร้างสารคดีชุดนี้ได้แก่ Robin Newell ออกอากาศทางช่อง  History Channel เมื่อวันที่ 25 เดือนเมษายน 2007



"The Quiet Lions" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายสองคน ที่เป็นฮีโร่จากทางรถไฟสายมรณะ จังหวัดกาญจนบุรี สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้แอบเสียงชีวิตช่วยเหลือเชลยสงครามด้วยวิธีการต่างๆอย่างลับๆ

บุญผ่อง สิริเวชพันธ์ ผู้ประกอบการค้าทางน้ำและ ท่านเซอร์ Edward 'Weary' Dunlop หมอศัลยกรรมแห่งค่ายเชลยสงคราม  ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือเชลยสงคราม ณ ค่ายเขาช่องไก่






เมื่อปี 1985 Keith Flanagan บอกกับหมอเวรี่ว่า  พวกเขาอยากจะสร้างมูลนิธิชื่อ  Dunlop Weary แล้วมีชื่อต่อท้ายอะไรบางอย่าง

 หมอเวรี่ จึงถามในทันทีว่า " แล้ว ถ้าชื่อตามด้วยบุญผ่องละ!!!"

นั้นแหละ!!! ที่มาของชื่อ มูลนิธิ Weary Dunlop-Boonpong  Exchange Fellowship

 
จะเห็นได้ว่าชื่อมูลนิธินี้ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแต่บุคคลทั้งสองที่เป็น "สิงห์โตเงียบ" ผู้คอยช่วยเหลือเชลยสงครามทางด้านยาและอุปกรณ์การแพทย์ตลอดมา โดยให้ทุนการศึกษาแก่หมอศัลยกรรมไทยที่ได้ทุนไปเรียนในออสเตรเลีย เดือนละ 2,500 เหรียญออสเตรเลีย


แม้ว่่าเขาทั้งสองได้ล่วงลับไปแล้ว แต่เรื่องราวแห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ของพวกเขายังอยู่ในนาม " Death railway and Weary-Dunlop Boonpong Fellowship Program" ซึ่งเป็นมูลนิธิทุนการศึกษให้แก่ศัลยแพทย์ชาวไทยไปศึกษา ณ ประเทศออสเตรเลีย